บ้านเดิมเจ้า

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประกันภัย ข้าวนาปี 2555 ทางเลือกชาวนาไทย


อนุมัติวงเงิน 555 ล้าน หนุนเบี้ยประกันภัย ข้าวนาปี 2555
RecommendPrint
โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 และอนุมัติวงเงินงบประมาณจำนวน 555,760,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย
2. ให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลตามข้อ 1 และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) + 1.3% ในปีงบประมาณถัดไป
3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้กับ ธ.ก.ส. ประกอบด้วย ข้อมูลการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว และข้อมูลการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยของรัฐรายบุคคลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) แล้ว เพื่อความรวดเร็วในการจ่ายสินไหมทดแทน
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลัง โดย สศค. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย พิจารณาแล้วเห็นควรให้กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ.2555 ทำหน้าที่รับประกันภัยต่อแทนบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยให้มีความเหมาะสมกว่าอัตราตลาด การที่บริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศเสนออัตราเบี้ยประกันภัยที่ 210 บาทต่อไร่ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยบนพื้นฐานการประเมินความเสี่ยงของประเทศไทยที่สูงเกินไป นอกจากนี้ ยังสามารถผ่อนคลายเงื่อนไขเพิ่มเติมที่บริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศกำหนด เช่น จำนวนไร่ที่ เอาประกันภัยขั้นต่ำ เป็นต้น หลักการและรายละเอียดที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
หลักการ
(1) กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย 120 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) อัตราเบี้ยประกันภัยสุทธิเท่ากับ 129.47 บาทต่อไร่ เท่ากับการดำเนินโครงการฯ ในปีที่ผ่านมา วงเงินความคุ้มครอง 1,111 บาทต่อไร่ ตลอดช่วงการเพาะปลูก สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 6 ภัย ได้แก่ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย และขยายเพิ่มเติมความคุ้มครองรวมถึงภัยศัตรูพืชและโรคระบาด โดยมีวงเงินความคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่
(2) เกษตรกรผู้เอาประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเมื่อพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย (ใช้เกณฑ์การประเมินความเสียหายที่รัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน) เพิ่มเติมจากเดิมที่จะได้รับเฉพาะเงินช่วยเหลือจากรัฐตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนเกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับเฉพาะเงินช่วยเหลือจากรัฐเท่านั้น
(3) กำหนดจำนวนไร่ที่เอาประกันภัยสูงสุดไม่เกิน 8 ล้านไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งหมดของประเทศโดยเฉลี่ยในช่วงปี พ.ศ. 2547-2554 จำนวน 57.47 ล้านไร่ เป็นระดับที่เหมาะสม และอยู่ในวิสัยที่จะปฏิบัติได้ เนื่องจากการตัดสินใจทำประกันภัยหรือไม่เป็นความสมัครใจของเกษตรกร และกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติสามารถรองรับความเสียหายในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด (Worst case scenario) ได้
(4) ธ.ก.ส. เป็นผู้บริหารโครงการ โดยเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัยและบริษัทผู้รับประกันภัย เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปีที่ผ่านมา
แรงจูงใจสำหรับเกษตรกรให้เข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี
รัฐยังมีความจำเป็นต้องอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย โดยเห็นควรให้เกษตรกรรับภาระค่าเบี้ยประกันภัย 60 บาทต่อไร่ เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปี 2554 และรัฐอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยในส่วนที่เกินกว่า 60 บาทต่อไร่

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สีประจำวัน ที่มาและความหมายที่น่ารู้


 ที่มาว่าทำไมวันจันทร์ต้องสีเหลือง อังคารสีชมพู พุธสีเขียว พฤหัสบดีสีส้ม ศุกร์สีฟ้า เสาร์สีม่วง จากการสืบค้นดูแล้วไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้กำหนดสีประจำวันเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เรามีคำอธิบายเกี่ยวกับสีประจำวันในแต่ละวันว่ามีความหมายอย่างไรบ้างมาฝาก ดังนี้


วันอาทิตย์- สีแดง
สีแดงเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง สุขภาพ และแรงปรารถนา เชื่อว่าสีแดงจะมีพลังอำนาจสูงสุดเมื่ออยู่คู่กับคนที่เกิดวันอาทิตย์ สีแดง อาจหมายถึงโชคดีสำหรับคนที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ คู่แต่งงานและความอายุยืน ในด้านสุขภาพสีแดงยังช่วยในการไหลเวียนโลหิตเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้ยืนยาวนานอีกด้วย


วันจันทร์-สีเหลือง 
สีเหลืองมักถูกอ้างถึงความเจิดจ้า ความสว่างไสว ความเชื่อใจ พระอาทิตย์รังสีสีเหลืองที่ให้ชีวิตแก่สิ่งมีชีวิต สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่และชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยความสว่างไสว สีเหลืองยังช่วยชำระจิตใจที่ยังช่วยให้ตัดสินใจได้ดีที่สุดสำหรับเรื่องธุรกิจและชีวิตที่นำไปสู่ความอุดมสมบูรณ์


วันอังคาร-สีชมพู
สีชมพูทำให้แรงปรารถนาของสีแดงอ่อนโยนลงกลายเป็นสีแดงอันอ่อนละมุน สีชมพูช่วยหัวใจในตัดสินใจได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรักเพราะสีชมพูหมายถึงความรักที่คงทนและไร้เงื่อนไข รวมถึงมิตรภาพ ในเรื่องสุขภาพสีชมพูสร้างความสมดุลระหว่างสุขภาพกายและใจ



วันพุธ-สีเขียว
สีเขียวเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองและสะท้อนพลังอันมีชีวิตชีวาของชีวิต ทำให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโต เชื่อกันว่าสีเขียวมีคุณลักษณะอันเป็นประโยชน์หลายประการ ยกตัวอย่างเช่น ช่วยให้ตาผ่อนคลาย เพิ่มพูนความฉลาดและกล้าหาญและช่วยป้องกันจากโรคร้าย และนำพาสู่ชีวิตอมตะ สีเขียวจะมีพลังสูงสุดเมื่อคู่กับคนที่เกิดวันพุธ

วันพฤหัสบดี-สีส้ม
สีส้มเป็นสีที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เกิดวันพฤหัสบดี สีส้มแสดงถึงความหวังและความอิ่มเอิบ ช่วยเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นสถานที่อันชวนหลงใหลสำหรับการอาศัยอยู่ ช่วยส่งเสริมและนำมาซึ่งความหวังแก่ผู้คนที่โชคร้ายในชีวิต นอกจากนั้นยังเชื่อว่าสีส้มช่วยเผยความรู้สึกที่เก็บไว้ซึ่งเป็นการดีเมื่อได้แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ในด้านสุขภาพ สีเขียวช่วยป้องกันการติดต่อจากเชื้อโรคและทำให้สุขภาพดี

วันศุกร์-สีฟ้า
สีฟ้าแสดงถึงสันติภาพ ความสงบและความฝัน ช่วยให้การแต่งงานราบรื่นและยืนยาว ซึ่งจะทรงพลังที่สุดเมื่ออยู่กับคนที่เกิดวันศุกร์ สำหรับคนที่ทำธุรกิจ สีฟ้าช่วยยุติการทะเลาะเบาะแว้ง สร้างหุ้นส่วนใหม่และช่วยให้มีความกล้าในการทำสิ่งที่ยากลำบาก ช่วยรักษาอาการขี้เกียจและเสริมสร้างพลังทางใจด้วย


วันเสาร์-สีม่วง
สีม่วงเป็นการผสมผสานระหว่างแรงปรารถนาของสีแดงและความสงบเงียบของสีฟ้า สีม่วงเป็นที่รู้จักสำหรับความลึกลับ ความรุ่งโรจน์ สีม่วงเป็นสีที่เป็นประโยชน์สำหรับคนที่เคร่งเครียดและบ้างานเพราะช่วยในการควบคุมอารมณ์ ผ่อนคลายจิตใจและปลดปล่อยจากภาระผูกพันเนื่องจากการวิตกกับชีวิต จากหลายความเชื่อ สีนี้เหมาะสำหรับคนที่เกิดวันเสาร์
(ที่มา...ผู้จัดการออนไลน์) )

ผลเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดสุราษฎร์ธานี วันที่ 24 มิถุนายน2555


ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันอาทิตย์ที่  24 มิถุนายน ปรากฏว่ามีอดีตส.อบจ.หลายท่านสอบตกและยังมีคุณอัจฉราวดี เกื้อหนุน ภรรยานายมนตรี เพชรขุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีคนปัจจุบันสอบตกด้วย ซึ่งผลการเลือกตั้ง 36 เขต มีดังนี้
อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
เขต1 นายประมุท สมบูรณ์ลักขณา 
เขต 2 นายอลงกรณ์ เรืองนุ้ย (ส.อบจ.ใหม่)
เขต3 นางสุดารัตน์ สมบูรณ์ลักขณา (ส.อบจ.ใหม่)
เขต 4 นายประสิทธิ์ ทับทิมทอง
เขต 5 นางสาวมณฑิรา จำปา
เขต 6 ด.ต. วิมล รักบำรุง (ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอกาญจนดิษฐ์
เขต 1 นายธานินท์ นวลวัฒน์ (ส.อบจ.ใหม่)
เขต 2 นางนงเยาว์ จ่าแก้ว
เขต 3 นายปรีชา เพชรรัตน์
เขต 4 นายนิโรธ นวลวัฒน์(ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอพุนพิน
เขต 1 นายสมพร วัชรภูษิต
เขต 2 นายสมชาติ ประดิษฐพร
เขต 3 ว่าที่ร.ต. กฤษฎา ขมัน (ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอ เกาะสมุย
เขต 1 นายอำนาจ โชติช่วง (ส.อบจ.ใหม่)
เขต 2 นายสุวพัฒน์ สมหวัง (ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอบ้านนาสาร
เขต 1 นายสุชาติ มณีโชติ (ส.อบจ.ใหม่)
เขต 2 นายนพพร จันทบูรณ์
อำเภอพระแสง
เขต 1 นายสุเมตตา ชัยสิทธิ์
เขต 2 นายนัตธพร อุไรโรจน์
อำเภอเวียงสระ
เขต 1 นายวันชัย จรัส
เขต 2 นายกฤษพณ หวานแก้ว
อำเภอไชยา
เขต 1 นายศิริ ศักดิ์ศรี(ส.อบจ.ใหม่)
เขต 2 นายอภิจัย รติตานนท์
อำเภอเคียนซา
เขต 1 นายประดิษฐ์ แสงตะวันวงศ์ (ส.อบจ.ใหม่)
เขต 2 นายไพศาล หวานแก้ว (ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอ ท่าชนะ
เขต 1 นายภูมิ เทือกสุบรรณ (ส.อบจ.ใหม่)
เขต 2 นายบุญยิ่ง ย้งลี
 อำเภอเกาะพะงัน
นายพิพิธิ รัตนรักษ์
อำเภอคีรีรัฐนิคม
นายวัชรรินทร์ วัฒนประดิษฐ์
อำเภอชัยบุรี
นายปรีดิ เชาวลิต (ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอดอนสัก
นายภคสรรค์ จันทร์หุ่น
อำเภอท่าฉาง
นายพิชัย ชมพูพล
อำเภอบ้านตาขุน
นายสถาพร กล่อมเจริญ (ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอบ้านนาเดิม
นายสันติ พุฒศรี (ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอพนม
นายอมรินทร์ ชูเพชร (ส.อบจ.ใหม่)
อำเภอวิภาวดี
นายมงคล สาคร
และการเลือกตั้งครั้งนี้จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 708,965 คน มาใช้สิทธิ 402,915 คน คิดเป็นร้อยละ 56.83 จำนวนบัตรดี 364,240   บัตร คิดเป็นร้อยละ 90.40 บัตรเสีย 10,973 บัตร คิดเป็นร้อยละ 2.72 และไม่ประสงค์ลงคะแนน 27,703 บัตร คิดเป็นร้อยละ 6.88
ที่มา www.suratnews.com

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

น้ำบาดาล ไม่สะอาดอย่างที่คิด


นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวพบแหล่งน้ำบาดาลมีแร่ธาตุวานาเดียม (Vanadium) และซีลีเนียม (Selenium) รักษาและบรรเทาอาการโรคเบาหวาน เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ว่า วานาเดียมมีประโยชน์ช่วยให้ร่างกายดูดซึมกลูโคสได้มากขึ้น และช่วยในการทำงานของอินซูลิน ส่วนซีลีเนียมเป็นแร่ธาตุที่ทำงานร่วมกับวิตามินอี และเสริมฤทธิ์ในการทำงานของวิตามินอี รักษาเนื้อเยื่อต่างๆ ส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ แม้ว่าแร่ธาตุทั้ง 2 ชนิด จะเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แต่จะพบอยู่ในอาหารที่บริโภคอยู่แล้ว ซึ่งหากบริโภคน้ำแร่ที่มีแร่ธาตุซีลีเนียมเกิน 0.4 มิลลิลิตร/วัน อาจทำให้เกิดอาการผมร่วง ผิวหนาขึ้น ระบบลำไส้ทำงานผิดปกติ และฟันผุ


"การบริโภคน้ำแร่จากน้ำบาดาลที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีการปนเปื้อนของสารหนู แคดเมียม โครเมียม ตะกั่ว ปรอท และจุลินทรีย์ก่อโรค เป็นต้น ซึ่งหากบริโภคสะสมเข้าไปในปริมาณมาก และในระยะเวลานานอาจทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ แร่ธาตุซีลีเนียมยังมีอยู่ในอาหารประเภทต่างๆ เช่น เครื่องในสัตว์ ปลา หอย ข้าวต่างๆ ที่ยังไม่ได้สี กระเทียม เห็ด บร็อกโคลี หัวหอม มะเขือเทศ  เป็นต้น สำหรับแร่ธาตุวานาเดียมมีอยู่ในอาหารประเภทเนื้อปลาและพริกไทยดำ เป็นต้น" นพ.พิพัฒน์กล่าว


นพ.พิพัฒน์กล่าวว่า อย.สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำบาดาล เนื่องจากทรัพยากรน้ำมีจำกัด สำหรับการบริโภคน้ำจากแหล่งน้ำบาดาลโดยทั่วไปนั้นสามารถบริโภคได้ แต่ควรเป็นน้ำแร่ที่ได้ตรวจสอบว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานแล้ว และไม่ควรคาดหวังว่าการบริโภคน้ำที่มีแร่ธาตุดังกล่าวจะสามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ทั้งนี้ หากมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้ไม่เสียโอกาสในการรักษาโรคให้หาย ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย หรือพบเห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลอกลวงผู้บริโภค โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ขอให้แจ้งมายังสายด่วน อย. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

ขวดน้ำพลาสติกใช้ซ้ำ ซ้ำ เสี่ยงมะเร็ง จริงหรือ ?


ขวดน้ำพลาสติกใช้ซ้ำ ๆ เสี่ยงมะเร็ง? (อ.ส.ม.ท.)

          ปัจจุบันเห็นหลายครอบครัวนำขวดน้ำอัดลมหรือขวดน้ำเปล่า ที่ทำจากพลาสติกมากรอกน้ำแช่ตู้เย็นเอาไว้ดื่มซ้ำแล้วซ้ำอีก จากข้อมูลที่ส่งต่อกันทางอินเทอร์เน็ตบ้างก็ว่าเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง บ้างก็ว่าไม่เป็นอันตรายอะไรหรอก เพราะหลายสถาบันในต่างประเทศก็ออกมาการันตีว่ามีความปลอดภัย ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี 

          นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ อธิบายว่า ขวดน้ำพลาสติกใช้แล้วใช้อีก อันตรายจริง โดยเฉพาะขวดน้ำพลาสติกแบบโพลีคาร์บอเนต เมื่อโดนเย็นจัดหรือร้อนจี๋ หรือการขบกัดขูดขีดกระแทก จะทำให้มีสารก่อมะเร็งกลุ่ม BPA (Bis-phenol A) ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ทำมาจากพลาสติกออกมา ซึ่งจากงานวิจัยของฮาร์วาร์ดพบว่าเพียง 3-4 ส่วนในล้านส่วนก็ก่อมะเร็งในหนูทดลองได้ ที่ซุปเปอร์มาร์เกตในแคนาดาจึงออกกฎเตือนว่า เจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องปิดฉลากเตือนไว้และถ้าเป็นเครื่องบริโภคบางอย่างถึงขนาดห้ามใช้พลาสติกเลยทีเดียว

          แต่ที่ทางการบ้านเรายังไม่ตื่นเต้นก็เพราะว่า ยังเป็นผลการวิจัยว่าเกิดมะเร็งในระดับสัตว์ทดลอง และมีปริมาณสารพิษไม่มาก แต่อย่าลืมว่าถ้าเลี่ยงๆ ไว้ก่อนได้ก็จะดีกว่ารออีก 10 ปี มีงานวิจัยออกมาบอกว่าคนก็เป็นมะเร็งได้ซึ่งไม่มีประโยชน์เสียแล้ว

          และอย่าลืมอีกข้อที่สำคัญคือถึงแม้มี BPA ปริมาณน้อยจากขวดพลาสติก แต่อย่าลืมว่าวันหนึ่งเราดื่มน้ำจากขวดพลาสติกกันหลายรอบทีเดียว เวลาเบรกจากประชุมหรือสัมมนาแต่ละทีก็ดื่มกันอึกอัก ไปแวะกินข้าว ก่อนกลับบ้านก็ดื่มอีกขวดหนึ่ง วันหนึ่ง 3-4 รอบบ่อยๆ เข้าก็มี BPA สะสมได้นะครับ

          ทั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้ตื่นตระหนกจนห้ามใช้พลาสติก เพียงแต่ให้ตระหนักไว้ก่อน และพยายามลดการใช้ไว้ก่อนจะดีกว่า

นพ.กฤษดา กล่าวว่า ลักษณะการใช้ที่ทำให้ตายเร็วมีดังนี้

           1.ขวดพลาสติกหรือแก้วพลาสติกเอามาใช้แล้วใช้อีก
           2.ขวดพลาสติกที่กระทบกระแทกขูดขีดไปมาจากการทิ้งไว้ในรถยนต์
           3.ขวดพลาสติกที่โดนความเย็นจัดต่ำกว่าศูนย์หรือร้อนจัดมาก เช่น ใส่น้ำต้มกาแฟ หรือใส่เข้าไปในไมโครเวฟ
           4.กล่องโฟมพลาสติกและพลาสติกใส (Wrapper) ห่ออาหารเข้าไมโครเวฟก็ต้องระวัง
           5.ขวดนมเด็กพลาสติก เพราะมีโอกาสที่สารนี้หลุดปนออกมาจากการที่เด็กอมขบกัดพลาสติก
           6.ของเล่นตุ๊กตุ่น ตุ๊กตาพลาสติกราคาถูกและเครื่องใช้พลาสติกตามตลาดนัดมักทำจากพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพต่ำ ทำให้ต้องเติมสารพิเศษให้พลาสติกเสถียรซึ่งสารนี้ก่อมะเร็งได้
           7.อาหารที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง เช่น ในนมวัวที่มาจากวัวกินหญ้าปนเปื้อนยาฆ่าแมลง จะมีสารซีโนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนมรณะ ทำให้เด็กสาวโตวัยมีนมแตกพานได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 3 ขวบ 


วิธีหนีให้ไกลมัจจุราชเงียบในพลาสติก คือ 

           1.ใช้ขวดแก้วแทนขวดพลาสติก
           2.ใช้จานชามกระเบื้องหรือหม้อกระเบื้องเคลือบแทน
           3.รณรงค์ให้ใช้วัสดุอินทรีย์แทนพลาสติก เช่น ใบตอง ห่อผัดไทยใช้เชือกกล้วยผูกหิ้ว
           4.ขวดน้ำพลาสติกอย่าทิ้งไว้ในรถหรืออย่านำกลับมาใช้ใหม่
           5.อย่าใช้ความร้อนสูง หรือใช้ความเย็นจัดกับภาชนะพลาสติก เช่น เอาไปใส่ในไมโครเวฟหรือใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง
           6.อย่าให้ภาชนะ กระทบกระแทก หรือขูดขีดมาก ระวังไม่ให้เด็กอมขวดหรือกัดพลาสติกเล่น
           7.ในแต่ละวันจำกัดการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกไว้ไม่ให้มากเกินไป ไม่ใช่ประชุมกัน 4 รอบ ก็กินเบรกแกล้มกับดื่มน้ำขวดพลาสติกทุกครั้ง อาจใช้แก้วกาแฟรองน้ำเปล่าดื่มบ้างก็ได้

       
   อย่างไรก็ตามสำหรับขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ทำมาจากพลาสติกโพลิเอทีลีน เทอเรพทาเลท หรือ PET ที่มีความปลอดภัยสูงความโปร่งใสแข็งแรงทนทาน เหนียว ไม่แตกง่าย แต่เพื่อความปลอดภัย ก็ไม่ควรที่จะนำมาใช้ซ้ำ ๆ นาน ๆ ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเช่นกัน
    

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
อ.ส.ม.ท.

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วันไหว้ครู โรงเรียนวัดเดิมเจ้า






จุดปฎิบัติการร่วม อปท.ตำรวจ กำนัน ผุ้ใหญ่บ้าน ชรบ. รพ.สต.ป่าเว กวาดล้างยาเสพติด


ณ บริเวณ สี่แยกป่าเว

14 มิถุนายน 2555















สปสช.มีมติ บัตรทองเรียกเก็บ 30 บาท เริ่ม 1 ส.ค.55


เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวหลังประชุมบอร์ด สปสช. ซึ่งพิจารณาเรื่องนโยบายร่วมจ่าย 30 บาท ว่าในการประชุมบอร์ด สปสช. มีมติตามคณะอนุกรรมการบริหารยุทธศาสตร์ ที่มี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ให้เรียกเก็บ 30 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 

"การเรียบเก็บต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้ เรียกเก็บกรณีประชาชนไปใช้บริการและได้รับการสั่งจ่ายยาเท่านั้น หากไม่มีการสั่งยาไม่ต้องเรียกเก็บ ช่วง 6 เดือนแรกนับจากเริ่มมาตรการให้เรียกเก็บเฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงพยาบาลในระดับจังหวัด พวกโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ.รพท.) รวมถึงโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วย" นายวิทยากล่าว และว่า ต่อมาอีก 6 เดือนหลังจากนั้นจะขยายไปยังโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ก่อนจะขยายไปยังโรงพยาบาลในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทั่วประเทศกลางปี 2556

นายวิทยากล่าวว่า การเรียกเก็บจะยกเว้นกลุ่มคนยากจน ซึ่งจะมาจากฐานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย และผู้ที่สังคมควรช่วยเหลือเกื้อกูล โดยกลุ่มคนยกเว้นมีประมาณ 24 ล้านคน จาก 47 ล้านคน ในระบบ กลุ่มดังกล่าวจะเป็นไปตามมาตรา 5 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 อาทิ ผู้มีรายได้น้อยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยสวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล พ.ศ.2537 ผู้นำชุมชน ได้แก่ กำนัน สารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี เด็กอายุไม่เกิน 12 ปีบริบูรณ์ บุคคลผู้พิการ พระภิกษุ สามเณร ทหารผ่านศึก ทหารเกณฑ์ เป็นต้น กลุ่มเหล่านี้ไม่ต้องร่วมจ่ายเงินดังกล่าว อีกทั้งนโยบายร่วมจ่าย 30 บาท ยังครอบคลุมทุกช่วงเวลา จากเดิมจะเน้นช่วงเช้า ล่าสุดให้ขยายไปยังช่วงบ่าย เพื่อความสะดวกของผู้รับบริการด้วย

"จากมาตรการดังกล่าวจะทำให้หน่วยบริการมีเงินรายได้ปีละ 2,000 ล้านบาท ให้แต่ละ หน่วยบริการบริหารจัดการเอง ซึ่งจะนำไปพัฒนาคุณภาพต่างๆ ได้ ที่สำคัญมาตรการนี้จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและความรู้สึกเป็นเจ้าของในระบบร่วมกัน และยังกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความตระหนัก ร่วมมือในการดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น เป็นการส่งเสริมป้องกันโรค มากกว่าการรักษา" นายวิทยากล่าว และว่า ที่ประชุมยังเห็นควรให้ปรับเปลี่ยนหน่วยบริการในกรณีขอย้ายภูมิลำเนา จากเดิมสามารถเปลี่ยนได้ปีละ 2 ครั้ง เป็นปีละ 4 ครั้ง จะทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับกลุ่มยกเว้นร่วมจ่ายนั้น สปสช. จะมีฐานข้อมูลอยู่แล้ว หากประชาชนไปรับบริการ เมื่อมีการคีย์ข้อมูลผ่านบัตรประชาชนจะขึ้นโดยอัตโนมัติว่า เป็นกลุ่มยกเว้นหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความสับสน หรือวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม จะประเมินผลหลังออกมาตรการนี้ทุก 3 เดือน นอกจากนี้ ในการประชุมยังหารือเรื่องการขยายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการที่พิสูจน์ได้ว่าได้รับความเสียหายจากการรักษา โดยมีมติให้ขยายดังนี้ กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร จากเดิมจ่ายเงินช่วยเหลือไม่เกิน 200,000 บาท เป็น 400,000 บาท กรณีพิการหรือสูญเสียอวัยวะ จากเดิมจ่ายเงินช่วยเหลือไม่เกิน 120,000 บาท เป็น 240,000 บาท กรณีบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง จากเดิมจ่ายเงินช่วยเหลือไม่เกิน 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เชื่อว่ามาตรการนี้จะเป็นกลไกช่วยลดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ได้ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การขยายเงินช่วยเหลือตามมาตรา 41 จะมีผลต่อการสานต่อร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... หรือไม่ นพ.วินัยกล่าวว่า คนละเรื่องกัน เนื่องจากมาตรา 41 เป็นเรื่องของการช่วยเหลือเบื้องต้น แต่ในส่วน พ.ร.บ.คุ้มครองฯ เป็นเรื่องเงินชดเชย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการในสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นคนละส่วนกัน และการขยายวงเงินตรงนี้อยู่ในกรอบไม่เกินร้อยละ 1 ของเงินกองทุน เดิมกองทุนใช้เงินในส่วนนี้ประมาณปีละ 100 กว่าล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการขยายวงเงินขึ้นจะอยู่ที่ประมาณปีละ 250 ล้านบาท ยังอยู่ในกรอบตามกฎหมายกำหนด 

อนึ่งการร่วมจ่าย 30 บาทในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อปี 2544 ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่อมาในปี 2549 มีการยกเลิกการร่วมจ่ายดังกล่าว กระทั่งปัจจุบันมีการฟื้นโครงการนี้อีก

วันเดียวกัน กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ออกแถลงการณ์กรณีนโยบายร่วมจ่าย 30 บาท ว่าจากการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดย นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดึงดันนำนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมร่วมจ่ายค่ารับบริการสาธารณสุข หน่วยบริการทุกครั้ง ครั้งละ 30 บาท กลับมาดำเนินการและอาศัยเสียงข้างมากในที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้พิจารณาอนุมัตินั้น ขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนผู้เสียภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมทุกคนยืนยันว่า เพื่อความมีศักดิ์ศรีของมนุษย์ ไม่ต้องไปแจ้งที่โรงพยาบาลทุกครั้งว่าขอยกเว้นไม่จ่าย 30 บาท เพราะยากจน หรือเพราะเป็นคนแก่ หรือเพราะเป็นคนพิการ ฯลฯ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ยากลำบากที่จะแสดงออกของประชาชนที่ได้เสียภาษีให้รัฐไปจัดสวัสดิการรักษาพยาบาลแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้ว ทุกคนไม่ควรต้องจ่าย 30 บาทด้วยซ้ำตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถดำเนินนโยบายกระจายรายได้ให้ประชาชนได้อย่างเป็นธรรม ยังไม่สามารถยกระดับรายได้ขั้นต่ำให้แรงงานทั้งประเทศได้


(ที่มา:มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 14 มิ.ย.2555)

นายอำเภอไชยา ประธานปิดโครงการค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม



 

นายอำเภอไชยา กล่าวปิดโครงการอบรม

ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยวิธีชุมชนบำบัด


                                                 ผู้นำท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านร่วมงาน              



โครงการขุดลอกเหมืองน้ำ หมู่ที่ ๕ ต.ป่าเว อ.ไชยา

 องค์การบริหารส่วนตำบลป่าเว ขุกลอกเหมืองน้ำสาธารณะ
 เพื่อระบายน้ำในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง เพื่อป้องกันน้ำท่วม





ประมวลภาพ ชาวตำบลป่าเว ร่วมขบวนห่มผ้าห่มพระบรมธาตุไชยา


นำโดย นายภิรมย์ ทองเพชร กำนันตำบลป่าเว





วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นางสาวลักขณา ธาวุฒิสกุล เกษตรอำเภอไชยา แจ้งการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว รอบ ๒/๒๕๕๕

                 
                                                                                                      นางสาวลักขณา ธาวุฒิสกุล เกษตรอำเภอไชยา ชี้แจงการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว รอบ ๒/๒๕๕๕
ในวันประชุมประจำเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอไชยา               วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕

 ให้ผู้ปลูกข้าว นำหลักฐานต่อไปนี้ มาขอขึ้นทะเบียนด้วยตนเองที่สำนักงานเกษตรอำเภอไชยา
ในเวลาราชการ
เอกสารที่ต้องเตรียม
สำเนาทะเบียนบ้าน
สำเนาบัตรประชาชน
ทะเบียนเกษตรกร
เอกสารสิทธิที่ดิน
หากที่นาเช่า เตรียมสัญญาเช่า และหลักฐานสำเนาบัตร ทะเบียนบ้านผู้ให้เช่า

นำหลักฐานเหล่านี้ แจ้งความจำนงขอขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวได้ในเวลาราชการทุกวัน
หมดเขต ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕

 เหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานีร่วมกับโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี

 ได้กำหนดการออกรับบริจาคโลหิต ในเขตอำเภอไชยา ในวันอังคารที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๕

 ณ วัดเวียง ตั้งแต่ เวลา ๐๙.๐๐ เป็นต้นไป
                                   

แผนผังการเดินรถใหม่ ในตัวเมืองสุราษฎร์ธานีเริ่มแล้ววันนี้


17 มิ.ย.55 เลือกตัวแทนสตรีระดับหมู่บ้าน

                  เงินกองทุนพัฒนาสตรีขณะนี้รัฐบาลได้จัดตั้งงบประมาณเรียบร้อยแล้ว 7,700,000 ล้านบาท โดยจากที่ทางกลุ่มได้มีการเสนอให้ตั้งกองทุนพัฒนาสตรีขึ้น หมู่บ้านละ 100,000 บาท ทั้งนี้ เงินดังกล่าวจะนำเข้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก่อนจะนำลงสู่จังหวัด จังหวัดละ 100,000,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการคิดกรอบระเบียบการขอใช้งบประมาณดังกล่าวให้เป็นระบบ รวมทั้งการบริหารจัดการที่จะต้องนำสู่กลุ่มสตรีที่ลงทะเบียนไว้แล้วโดยตรง โดยในวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 จะมีการเรียกประชุมนายอำเภอทั่วประเทศในการอบรมหารือระเบียบการการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว หลังจากนั้นในวันที่ 17 มิถุนายน จะมีการเชิญผู้ขึ้นทะเบียนกองทุนพัฒนาสตรีมาประชุมแต่ละหมู่บ้าน เพื่อทำประชาคมคัดเลือกตัวแทนหนึ่งคนที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการในระดับหมู่บ้าน พร้อมทั้งร่วมอบรมเพื่อเป็นคณะกรรมการในระดับตำบลและจังหวัดต่อไป ซึ่งขณะนี้กองทุนดังกล่าวมีสมาชิกทั่วประเทศจำนวนกว่า 1 ล้านคน


แจ้งการเลือกตั้งผู้แทนกองทุนสตรีบ้านเดิมเจ้า ในวันที่ 17 มิถุนายน 2555
เวลา 13.00 น. ณ ศาลาประจำหมู่บ้าน(ดอนแตง)